นั่งรถไฟ KIHA 183 เที่ยวโคราช ชมแสง สี เสียง ปราสาทหินพิมาย เยี่ยมชุมชนคุณธรรมด่านเกวียน สักการะวีรกษัตริย์ 3 พระองค์ ณ อุทยานประวัติศาสตร์นักรบไทย

นั่งรถไฟ KIHA 183 เที่ยวโคราช ชมแสง สี เสียง ปราสาทหินพิมาย

เยี่ยมชุมชนคุณธรรมด่านเกวียน 

สักการะวีรกษัตริย์ 3 พระองค์ ณ อุทยานประวัติศาสตร์นักรบไทย


การรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) จัดทริปเป็นรถไฟ ขบวนท่องเที่ยว "รถไฟ KIHA 183 เที่ยวโคราช ชมแสง สี เสียง ปราสาทหินพิมาย" นำนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศกว่า 200 คน เดินทางสู่เมืองโคราช จังหวัดนครราชสีมา โดยมีบริษัท เมืองไทย ครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์  เป็นผู้ดำเนินการพาท่องเที่ยว


โดยรถไฟ KIHA 183 ออกเดินทางจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ  (หัวลำโพง) ระหว่างทางที่รถไฟวิ่งผ่านจังหวัดสระบุรี รถไฟได้จอด แวะ "ผาเสด็จ" หรือ "ผาเสด็จพัก" สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟดำเนินการก่อสร้างรถไฟต่อจากอยุธยาไปนครราชสีมา โดยเส้นทางสายพระมหานคร-นครราชสีมา ถือได้ว่าเป็นเส้นทางเข้าสู่ภาคอีสานและเป็นทางรถไฟสายแรกของประเทศไทย เนื่องจากเส้นทางคมนาคมสมัยก่อนเป็นทางเดินเท้าในป่าทึบและคดเคี้ยว  ซึ่งใช้เวลานานในการเดินทาง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงให้มีการสร้างทางรถไฟ ตัดผ่าเข้าดงพญาเย็นทะลุสู่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นภูเขาทำให้การก่อสร้างเกิดความยากลำบาก เนื่องจากมีภูเขาขวางกั้นการดำเนินงานจึงต้องทำการระเบิดภูเขาหลายแห่ง แต่มีภูเขาแห่งหนึ่งมีหินก้องใหญ่โตมหึมาที่วิศวกรชาวฝรั่งเศสพยายามจะระเบิดอยู่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้นำตราแผ่นดินไปประทับลงโคนต้นไม้ใหญ่ ถือเป็นการเอาเคล็ด การระเบิดภูเขาจึงดำเนินต่อไปโดยไร้อุปสรรค ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2439 (รศ.115) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯโดยรถไฟจากที่ประทับแรมไปยังจุดสิ้นสุดทางรถไฟในขณะนั้น (คือบริเวณ ตำบลหินลับ) ทั้ง 2 พระองค์เสด็จลงจากรถไฟและดำเนินต่อไปตามทางที่ยังสร้างไม่เสร็จ พบความงามแปลกตาที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ด้วยรูปลักษณ์ของหน้าผาชง่อนหินที่แทบจะยื่นเข้าไปในบริเวณทางรถไฟ พระองค์ทรงจารึกอักษรพระนาม จ.ป.ร.และ ส.ผ.หมายถึงพระนามสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี และเลข 115 หมายถึง รศ.115 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์เสด็จ และได้พระราชทานนามศิลาแห่งนี้ว่า “ผาเสด็จพัก” ปัจจุบันได้มีการบูรณะปรับปรุงภูมิทัศน์รอบบริเวณสถานีให้มีความสวยงามน่าชมเพื่อให้เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสระบุรี แวะเก็บภาพภาพเซลฟี่อย่างสนุกสนาน



หลังเก็บภาพจนพอใจ รถไฟ KIHA 183 ก็เดินทางต่อไปที่สถานีรถไฟนครราชสีมา สถานีรถไฟนครราชสีมา เป็นสถานีที่เก่าแก่มีอายุ124 ปี เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถปัสปรับอากาศวีไอพี ไปรับประทานอาหารกลางวันที่ หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เดินทางเข้าโรงแรมแคนทารี่ โคราช  อำเภอเมืองนครราชสีมา ที่พัก เพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย



จากนั้นเวลา 15.30 น. ก็เดินทางไปร่วมงานที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อำเภอพิมาย นครราชสีมา  เมื่อไปถึงนักท่องเที่ยวก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ชื่นมื่นตามประเพณีอีสาน ได้รับการผูกข้อไม้ข้อมือรับศีลรับพรจากผู้เฒ่าผู้แก่ชาวพิมาย ชมปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินทรงขอมโบราณแบบบาปวนสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ตามความเชื่อเกี่ยวกับสวรรค์ และโลกมนุษย์ ลักษณะผังของปราสาทหินพิมายนั้นสร้างขึ้นคล้ายเขาพระสุเมรุ มีองค์ปราสาทประธาน ซึ่งอยู่ใจกลางของเทวสถาน เป็นเสมือนทางเชื่อมระหว่างโลกกับสวรรค์ เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ และเปลี่ยนเป็นพุทธศาสนานิกายมหายานในเวลาต่อมา



  ปราสาทหินพิมาย เป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในอำเภอพิมาย และจังหวัดนครราชสีมา โดยภายในอุทยานประวัติศาสตร์พิมายมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจมากมาย มีมัคคุเทศก์ซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนพิมายวิทยาพานำชมสถานที่ี เมื่อเดินเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นจะเป็น "สะพานนาคราช" และประติมากรรมรูปสิงห์ ตั้งอยู่ด้านหน้าซุ้มประตูฝั่งทิศใต้ของปรางค์ประธานซึ่งเป็นส่วนหน้าของปราสาท เชื่อว่าสร้างให้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ ตามคติความเชื่อในเรื่องจักรวาลทั้งในศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ ลักษณะสะพานนาคราชเป็นรูปกากบาท ยกพื้นขึ้นสูงจากพื้นดินประมาณ 2.50 เมตร ราวสะพานโดยรอบทำเป็นลำตัวพญานาค ชูคอแผ่พังพานเป็นนาคเจ็ดเศียร มีลำตัวติดกันเป็นแผ่น หันหน้าออกไปยังเชิงบันไดทั้งสี่ทิศ



เมื่อผ่านสะพานนาคราชขึ้นมาจะเป็นซุ้มประตูหรือ "โคปุระ" ก่อด้วยหินทราย มีผังเป็นรูปกากบาทและมีซุ้มประตูลักษณะเดียวกันนี้อีก 3 ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก โดยมีแนวกำแพงสร้างเชื่อมต่อระหว่างกันเป็นผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาวจากเหนือถึงใต้ 277.50 เมตร และกว้างจากตะวันออกไปตะวันตก 220 เมตร ซุ้มประตูด้านทิศตะวันตกมีทับหลังชิ้นหนึ่งสลักเป็นรูปขบวนแห่พระพุทธรูปนาคปรกที่ประดิษฐานอยู่เหนือคานหาม



จากซุ้มประตูและกำแพงชั้นนอก เข้าสู่ซุ้มประตูและกำแพงชั้นใน ซึ่งล้อมรอบปรางค์ประธาน ลักษณะของกำแพงชั้นในจะแตกต่างจากกำแพงชั้นนอกคือ มีการก่อเป็นห้องยาวต่อเนื่องกันคล้ายเป็นทางเดินมีหลังคาคลุม อันเป็นลักษณะที่เรียกว่า "ระเบียงคด" มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความยาวจากเหนือถึงใต้ 80 เมตร และความกว้างจากตะวันออกถึงตะวันตก 72 เมตร มีทางเดินกว้าง 2.35 เมตร เดินทะลุกันได้ตลอดทั้งสี่ด้าน หลังคามุงด้วยแผ่นหิน การบูรณะระเบียงคดเมื่อปี พ.ศ. 2532 ได้พบแผ่นทองดุนลายรูปดอกบัว 8 กลีบ บรรจุไว้ในช่องบนพื้นหินของซุ้มประตูระเบียงคดเกือบจะทุกด้าน แผ่นทองเหล่านี้คงไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลเหมือนที่พบในปราสาทอื่นอีกหลายแห่ง



ส่วน "ปรางค์ประธาน" ตั้งอยู่กลางลานภายในระเบียงคด เป็นศูนย์กลางของศาสนสถานแห่งนี้ สร้างด้วยหินทรายสีขาวทั้งองค์ ต่างจากซุ้มประตู (โคปุระ) และกำแพงชั้นในและชั้นนอกที่สร้างด้วยหินทรายสีแดงเป็นหลัก มีหินทรายสีขาวเป็นส่วนประกอบบางส่วน เนื่องจากหินทรายสีขาวมีคุณสมบัติคงทนดีกว่าหินทรายสีแดง องค์ปรางค์สูง 28 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสองยาวด้านละ 22 เมตร ด้านหน้ามีมณฑปเชื่อมต่อกับองค์ปรางค์โดยมีฉนวนกั้น องค์ปรางค์และมณฑปตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ส่วนด้านอื่นๆ อีกสามด้านมีมุขยื่นออกไปมีบันไดและประตูขึ้นลงสู่องค์ปรางค์ทั้งสี่ด้าน



โดย "ปรางค์พรหมทัต" จะตั้งอยู่ด้านหน้าปรางค์ประธานเยื้องไปทางซ้าย สร้างด้วยศิลาแลง มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม กว้าง 14.50 เมตร สูงประมาณ 15 เมตร สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ภายในปรางค์พบประติมากรรมหินทรายจำหลักเป็นรูปประติมากรรมฉลององค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่7 (จำลอง) ที่เรียกว่า ปรางค์พรหมทัต ก็เพื่อให้เข้ากับตำนานพื้นเมืองเรื่องท้าวพรหมทัตพระเจ้าแผ่นดิน ปัจจุบันกรมศิลปากรได้เก็บรักษาองค์จริงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย



ด้านข้างปรางค์ประธานจะเป็น "ปรางค์หินแดง" ตั้งอยู่ทางด้านขวา สร้างด้วยหินทรายสีแดง กว้าง 11.40 เมตร สูง 15 เมตร มีมุขยื่นออกไปเป็นทางเข้าทั้ง 4 ทิศ เหนือกรอบประตูทางเข้าด้านทิศเหนือมีทับหลังสลักเป็นภาพเล่าเรื่องในมหากาพย์ภารตะตอนกรรณะล่าหมูป่า ออกจากระเบียงคด (กำแพงชั้นใน) มาบริเวณลานชั้นนอกทางด้านทิศตะวันตก ล้อมรอบด้วยกำแพงชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง ประกอบด้วยอาคารที่เรียกว่า "บรรณาลัย" มีสองหลังตั้งอยู่คู่กันและมีสระน้ำอยู่ทั้งสี่มุม



หลังชมปราสาทโบราณอันล้ำค่า นักท่องเที่ยวก็ทานอาหารมื้อเย็น  ล้อมวงกินเข่าค่ำ (ภาษาถิ่นโคราช) พร้อมชมการแสดงประกอบแสง สี เสียง “วิมายะนาฎการ” บอกเรื่องราวจากภาพจำหลักในปราสาทหินพิมาย สื่อสารออกมาเป็นการแสดงนาฏลีลา ฉากสร้างปราสาทหิน รำมวยไทยโบราณ รำตึงครกตึงสาก รำตั๊กแตน ลาวกระทบไม้ ขบวนแห่พุทธบูชาและระบำพิมายปุระ ที่สวยงามตระการตา  โดยมีนายนายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ  อาทิเช่น นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสรืมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) และนายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย ฯลฯ



เช้าวันใหม่ นักท่องเที่ยวก็เดินทางไปเยี่ยมชมชุมชนคุณธรรมด่านเกวียน หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา อำเภอโชคชัย โดยมีเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา และเทศบาลตำบลด่านเกวียน ให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลว่า ที่นี่เป็นเส้นทางชุมชนกองเกวียนชนเผ่า “ข่า” ลุ่มน้ำมูล ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากรุ่นต่อรุ่นขุดดินริมตลิ่งมาทำเครื่องปั้นดินเผา ประยุกต์เป็นภาชนะใช้ในครัวเรือนบรรทุกใส่เกวียนไปขายระหว่างโคราช-เขมร (กัมพูชา) และพื้นที่รอบนอก ต่อมาได้ยกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์สมัยใหม่และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)



  นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้ของชุมชน ศูนย์การเรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน สถานที่ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ความเป็นมาและวิวัฒนาการของเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ซึ่งจะทำให้เห็นถึงบรรยากาศการสร้างสรรค์ศิลปะงานปั้นจากภูมิปัญญาที่พร้อมให้ความรู้ได้โดยตรง  ที่นี่นักท่องเที่ยวยังได้ลงมือประดิษฐ์เครื่องปั้นดินเผา วาดลงลวดลาย สีสันสวยงาม ตามที่ตนเเองชื่นชอบ ลงบนเครื่องปั้นดินเผาเป็นมาสเตอร์พีชของตนเองหนึ่งเดียวในโลก จากนั้นนักท่องเที่ยวก็นั่งรถรางชมหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา แวะบ้านผู้ใหญ่เมี้ยน สิงห์ทะเล ที่สถานที่ที่เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านด่านเกวียนที่มีความโดดเด่น และเป็นที่รู้จักกันดีในด้านเครื่องปั้นดินเผา เป็นงานฝีมือที่สามารถปั้นดินให้เป็นเงินได้ และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ชมและช้อปเครื่องปั้นดินเผาที่มีหลากหลายผลิตภัณพ์สวยงามที่คนในชุมชนนำมาจำหน่าย และแวะแหล่งจำหน่ายสินค้าเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน



ชมและช้อปเครื่องปั้นดินเผา นักท่องเที่ยวก็เดินทางไปเช็คอินสถานที่ Unseen ล่าสุดของโคราช นั่นคือ"อุทยานประวัติศาสตร์นักรบไทย ไทรทองเทพนิมิต" อำเภอโชคชัย  เมื่อไปถึง คุณกุลิสรา บุญทับ ผู้ดูแลสถานที่ ได้มากล่าวต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปถึงความเป็นมาว่า อุทยานประวัติศาสตร์นักรบไทยฯ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2547 อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธินักรบไทยโดยได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ในรัชกาลที่ 9 มีพระราชประสงค์ให้ พลเอกณพลบุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ และคุณกุลิสรา บุญทับ ภริยา เป็นผู้วางแผนงานและเป็นผู้ควบคุมการจัดสร้าง สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสถวายกตัญญูตาสักการะวีรกษัตริย์ไทย ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปวีรกษัตริย์ 3 พระองค์คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และสมเด็จพระสุพรรณกัลยา โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2547




       เมื่อมาถึงนักท่องเที่ยวก็ไม่พลาดที่จะกราบไหว้สักการะดวงพระวิญญาณของพระองค์ท่านทั้งสามพระองค์คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกกาทศรถ และสมเด็จพระสุพรรณกัลยา พร้อมเดินชมพิพิธภัณฑ์พระเครื่อง ที่มีพระพุทธรูปเก่าแก่ รวมทั้งพระเครื่องโบราณที่มีความขลังและทรงคุณค่าให้ศึกษามากมาย ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์นักรบไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประชาชนคนไทยที่มักเดินทางไปไหว้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบยังถูกตกแต่งอย่างสวยงาม และแล้วก็ได้เวลาอำลาโคราชบ้านเฮา พานักท่องเที่ยวแวะทานอาหารกลางวันก่อนเดินทางกลับไปที่สถานีรถไฟนครราชสีมา เพื่อโดยสารKIHA 183 กลับรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพอย่างมีความสุข



*** ทริปนี้ต้องขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา,  เทศบาลตำบลด่านเกวียน, นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 สภ.เมืองนครราชสีมา และ ร.ต.อ.ทรงราช ศรีพิทักษ์ รอง สว.จร.สภ.เมืองนครราชสีมา มี่มาอำนวยความสะดวกในด้านจราจร

#การรถไฟแห่งประเทศไทย

#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไท

#สมาคมส่งเสรืมธุรกิจท่องเที่ยวไทย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พิธีเททองหล่อหลวงพ่อพระนาคปรก ประดิษฐาน ณ พระอุโบสถวัดมัชฌิมาวาส

ททท. จับมือ 6 สมาคมท่องเที่ยว ชูแคมเปญ “บัสทัวร์เที่ยวใต้” เยือนเมืองน่าเที่ยว

"ฉลอม" ประธาน TFOPTA นำทีมสมาชิก ลงพื้นที่จังหวัดระยอง จัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2568